Q&A หากมีอาการ ปวดคอบ่าไหล่ ปวดศรีษะไมเกรน ปวดแขน ปวดหลัง ปวดขา ปวดเข่า และอื่นๆ จะต้องรักษายังไง คำถามที่มีคำตอบ
ปวดคอบ่าไหล่ ปวดศรีษะไมเกรน ปวดแขน ปวดหลัง ปวดขา ปวดเข่า ปวดเท้า ออฟฟิศซินโดรม ฯลฯ รักษายังไง, กี่ครั้งหาย, เจ็บมั๊ยเวลารักษา คำถามที่มีคำตอบ
Q & A
ผู้เข้ารับการรักษาในหลายๆ ท่าน มักมีคำถามเกี่ยวกับการรักษา เราเลยรวบรวมคำถามทั้งหลาย เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้สนใจเข้ารับการรักษา ได้เข้าใจและสะดวกในการตัดสินใจเข้ามารักษาที่คลินิกค่ะ
คำถาม : ขั้นตอนการเข้ารับการรักษาต้องทำยังไง?
คำตอบ : โทร หรือ ไลน์ เพื่อ แจ้ง วัน เวลา ที่สะดวกล๊อคคิว ในการเข้ามารักษา เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งรอ เพราะในการรักษา แต่ละเคสใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการรักษานะคะ เมื่อมาถึงคลินิก (หากเป็นผู้ป่วยใหม่ (เตรียมบัตรประชาชนมาด้วยค่ะ) รบกวนกรอกแบบฟอร์มด้านหน้าคลินิกด้วยนะคะ) ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ภายในคลินิก วัดไข้ วัดความดัน เปลี่ยนชุด เข้าห้องรักษาได้เลยค่ะ แพทย์แผนไทยจะเดินไปตรวจที่เตียงรักษาเลยค่ะ มีผู้ช่วยแพทย์ คอยดูแลให้ทุกท่านค่ะ
คำถาม : วิธีการรักษา รักษาแบบไหน รักษายังไง?
คำตอบ: รักษาด้วยวิธีการแพทย์แผนไทย ไม่จ่ายยา รักษาตามแนวทฤษฎีแพทย์แผนไทย นวดไทยรักษา / ตอกเส้น / พอกยา / ประคบ (ร้อน-เย็น) / จัดสมดุลร่างกาย โดยจะขึ้นอยู่กับอาการแต่ละท่าน และการสั่งการรักษาของแพทย์แผนไทยค่ะ
คำถาม : ในการรักษา ต้องรักษา นานแค่ไหนในแต่ละครั้ง ?
คำตอบ : ในการรักษาแต่ละครั้ง ใช้เวลารักษาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่นสุขภาพร่างกาย และความสะดวกของผู้ป่วยด้วย (อาทิ ผู้ป่วยมีอายุมาก , มีโรคประจำตัว หรือโรคอื่นที่มีผลต่อการรักษา, กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง, หรือมีเวลาจำกัดในการรักษา) แต่ถ้ามารักษาหลายจุด เช่น ปวดแขน และปวดขา ก็สามารถรักษาได้เกินเวลาจากนั้นค่ะ
คำถาม : ต้องรักษากี่ครั้งถึงจะดีขึ้น ?
คำตอบ : หลังจากรักษาครั้งแรก ก็จะรู้สึกได้ว่าดีขึ้นค่ะ แต่จะมากหรือน้อยอาจไม่เท่ากันในแต่ละคน บางท่านมีอาการมานาน อาจต้องใช้เวลารักษานานกว่า บางท่านกล้ามเนื้อแข็งมาก หรือร่างกาย(ตัวใหญ่) ก็อาจต้องใช้ระยะเวลาในรักษาค่ะ บางท่านไม่ทนต่ออาการเจ็บเลย ก็ต้องค่อยๆ ทำค่ะ ผู้ป่วยสามารถประเมินอาการร่วมกับแพทย์ได้เลยนะคะ ว่าครั้งแรกดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์จากก่อนเข้ารับการรักษา ถ้าดีขึ้น 50% อาจรักษาต่อเนื่องอีกประมาณ 1-2 ครั้ง ในบางราย ครั้งเดียวหายก็มีค่ะ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่แจ้งไปเบื้องต้นแล้ว หลังทำการรักษาแพทย์จะแนะนำให้ค่ะ ว่าต้องดูแลร่างกายอย่างไร ออกกำลังกายอย่างไร เพื่อให้หายได้เสถียรขึ้นค่ะ
ทีมรักษาทุกคน อยากให้ทุกท่านมีอาการดีขึ้นค่ะ ขอขอบคุณผู้ป่วยทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการรักษา พวกเราทำงานด้วยใจที่เป็นแพทย์ มุ่งหวังให้ทุกท่านมีอาการที่ดีขึ้นโดยเร็ววันค่ะ
คำถาม : เวลารักษาเจ็บมั๊ย?
คำตอบ: อาจมีเจ็บในบางจุดค่ะ เพราะบางรายมารักษาพร้อมภาวะกล้ามเนื้ออักเสบร่วมด้วย ก็อาจมีเจ็บบ้าง แต่เป็นเจ็บที่รับได้ของผู้ป่วยแต่ละท่าน เพราะทีมรักษาเราจะคอยถามผู้ป่วย ว่าเจ็บหรือไม่ เราระวังมากที่สุด เพื่อให้ทุกท่านมีอาการที่ดีขึ้น และปลอดภัยค่ะ
คำถาม : หลังรักษามีผลข้างเคียงในการรักษาหรือไม่?
คำตอบ : รักษาด้วยวิธีนี้ไม่ต้องกินยา ผลข้างเคียงจากยาไม่มีเลย ส่วนภาวะระบม ในบางราย ไม่มีอาการเลยค่ะ ในบางรายอาจมีบ้างเล็กน้อยค่ะ
คำถาม : รักษาแล้ว เกิดระบมหรือไม่ , ภาวะระบมเกิดจากอะไร, แล้วจะต้องทำไง หากมีภาวะระบม
คำตอบ : ภาวะเหล่านี้ ไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือทุกครั้งในการรักษาค่ะ ทีมรักษาจะคอยถามว่า เจ็บหรือไม่ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่า ทีมรักษาจะลงน้ำหนักมากนะคะ การทำการรักษาต้องเป็นน้ำหนักที่ผู้ป่วยรับได้เท่านั้นค่ะ
ภาวะระบมหลังการรักษา Healing Crisis เกิดจากร่างกายของแต่ละคนสะสม สารแห่งความเจ็บปวด ภาวะความเป็นพิษ ซึ่งสะสมไว้ในชั้นของกล้ามเนื้อ พอกล้ามเนื้อถูกขยับตัว สารแห่งความเจ็บปวด ที่เป็นพิษทั้งหลาย จะถูกผลักออก และออกซิเจนจะเข้าไปเลี้ยงเซลล์ค่ะ แต่ถ้าร่างกายสะสมไว้ปริมาณที่มาก ในการผลักของเสียออก ก็ต้องใช้เวลา ซึ่งในช่วงนี้อาจทำให้เกิดอาการระบม เมื่อกดไปที่กล้ามเนื้ออาจเจ็บบ้าง แต่องศาการเคลื่อนไหวของร่างกายจะขยับได้ดีขึ้น หลังจากนั้น 1-3 วัน อาการระบมจะหายไปค่ะ
การดื่มน้ำมากๆ จะเป็นตัวช่วยให้ของเสียถูกผลักออกได้ดีขึ้นนะคะ เมื่อร่างกายผลักของเสียออก อาการจะดีขึ้นค่ะ
คำถาม : คำแนะนำหลังการรักษามีมั๊ย
คำตอบ: แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยทุกครั้งค่ะว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไร ออกกำลังกายแบบใด เพื่อให้หายได้เสถียรขึ้นค่ะ
1.ดื่มน้ำในแต่ละวัน ไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว
2.พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
3.กินอาหารครบห้าหมู่ เน้นผักผลไม้ ส่วนเนื้อสัตว์ เลือกกินเนื้อขาว เช่น ปลา
4.เลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรค ท่านั่งในการทำงาน หรือกิจกรรมต่างๆ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้ขยับตัวเปลี่ยนอริยาบถบ่อยๆไม่ทำท่าเดิม ซ้ำนานๆ
5.ออกกำลังกายทุกวัน อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที ในแต่ละวัน (การออกกำลังกายควรเหมาะสมกับแต่ละบุคคล คือ เหมาะกับเพศ, วัย, และอาการที่เป็น)
6.ฝึกฝนตนเอง ให้เป็นคนเบิกบาน ผ่อนคลายความเครียด และความวิตกกังวล
7.ปรับอริยาบถ หรือออกกำลังกายตามแพทย์แนะนำ
คำถาม : ค่ารักษาเท่าไหร่ รวมอะไรบ้าง
คำตอบ : ค่ารักษา ชม.ละ 750 บาท (รวม ค่าตรวจ / นวด / ตอกเส้น/ ปรับสมดุล / พอกยา, ทายา /ประคบ ร้อน, เย็น ขึ้นอยู่ที่แพทย์วินิจฉัยสั่งการ)
คำถาม : ถ้าต้องการเบิกค่ารักษา ทำได้หรือไม่
คำตอบ: ที่คลินิกเป็นสถานพยาบาลเอกชน เบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าผู้ป่วย มีประกันสุขภาพที่ระบุว่าคุ้มครอง หรือเบิกองค์กรที่ทำงานได้ ทางคลินิกเราออกใบรับรองแพทย์ในการรักษาพยาบาลจริง พร้อมใบเสร็จรับเงินให้ได้ค่ะ (ไม่มีค่าใช้จ่ายในการออกใบรับรองแพทย์ค่ะ)
หากมีคำถามใดๆ ที่ต้องการทราบเพิ่มเติม หรือปรึกษาปัญหาสุขภาพ จองคิวรักษา สามารถส่ง ไลน์ มาได้ค่ะ ID Line: kru95